Category: Lifestyle

ประเทศจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับความนิยมในการนำสินค้าเข้ามาขายเป็นอย่างมาก เนื่องจากสินค้าจากประเทศจีนนั้นมีราคาที่ค่อนข้างถูก และมีสินค้าให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทำให้สามารถนำมาขายและได้กำไรตามที่ต้องการ ดังนั้นเราจึงมักจะเห็นคนนำเข้าสินค้าจากจีนมาขายเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเราต้องการนำเข้าสินค้าจากจีนนั้นก็ต้องต้องมีกระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ ที่เราจะได้อธิบายให้เข้าใจดังต่อไปนี้

ขั้นตอนในการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนมาขาย

มาดูกันว่าหากเราต้องการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนมาขายนั้นต้องมีขั้นตอนและวิธีการในการดำเนินการอย่างไรบ้าง

• ขั้นตอนแรกนั้นเราต้องทำการติดต่อโรงงานที่ขายสินค้าหรือผู้จำหน่ายสินค้าจากจีนที่เราต้องการซื้อก่อน โดยเราจะเรียกผู้จำหน่ายว่า shipper ซึ่ง shipper นั้นก็จะมีหน้าที่ในการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าให้เรา และทำการจัดหาบริษัท shipping นำเข้าสินค้าจากจีนให้เรา โดยบริษัท shipping นำเข้าสินค้าจากจีนก็จะมีหน้าที่ในการดำเนินการเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าและส่งมายังไทย
• ขั้นตอนต่อมา shipper หรือผู้จัดจำหน่ายก็จะดำเนินการทางพิธีศุลกากรขาออกให้กับสินค้าของเราโดยจะเป็นการแสดงสินค้าที่จะนำออกจากประเทศจีนว่ามีอะไรบ้างต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร
• ขั้นตอนต่อมาเป็นการเตรียมเอกสารสำหรับการนำเข้าสินค้าโดยจะต้องมีการทำพิธีการผ่านศุลกากรขาเข้า ซึ่งสำหรับขาเข้านั้นเอกสารหรือวิธีการที่ทำนั้นไม่ยุ่งยาก เราสามารถดำเนินการได้เองหรืออยากจะใช้บริการ shipping นำเข้าสินค้าจากจีนก็ได้เช่นกัน โดยเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ก็คือใบขนสินค้าขาเข้า ซึ่งจะประกอบไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ เหล่านี้ ได้แก่ ใบตราส่งสินค้า , ข้อมูลพาหนะนำเข้า , บัญชีรายการสินค้า , ใบอนุญาตินำเข้า , บัญชีรายละเอียดการบรรจุหีบห่อ ฯลฯ 
• ต่อมาเมื่อยื่นเอกสารเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารขาเข้า เมื่อตรวจสอบเอกสารครบถ้วนเรียบร้อยแล้วก็จะเป็นขั้นตอนของการชำระภาษีอากรขาเข้าตามเงื่อนไข 
• ขั้นตอนต่อมาเป็นขั้นตอนของการตรวจสอบและปล่อยสินค้า ดังนั้นผู้นำเข้าสินค้าจะต้องยื่นใบนำเข้าสินค้าและใบเสร็จชำระเงินที่ชำระเรียบร้อยแล้วให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วเอกสารถูกต้องครบถ้วนก็จะปล่อยสินค้าออก และขนส่งจัดส่งให้ผู้รับในประเทศไทย

โดยในการนำเข้าสินค้าจากจีนมาขายนั้นหากดำเนินการเองอาจมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ซับซ้อน และค่อนข้างที่จะเสียเวลาต่อเราเป็นอย่างมาก ดังนั้นควรเลือกใช้บริการบริษัทชิปปิ้งสักเจ้าหนึ่งที่เชื่อถือได้ และให้บริษัทชิปปิ้งดำเนินการต่าง ๆ เหล่านี้แทน ส่วนเราก็ทำหน้าที่แค่เลือกสินค้าและรอรับอยู่ที่บ้านเพื่อนำสินค้าไปขายต่อไป

เชื่อว่าหลาย ๆ คนนั้นอาจจะกำลังเป็นมือใหม่ในการเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งบางทีอาจจะมีเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้าที่เรายังไม่รู้ใช่ไหมครับ ? ดังนั้นในบทความนี้เรามี3 ข้อควรรู้ก่อนที่จะเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้า กับเรื่องที่จำเป็นต้องรู้ เรามาลองดูกันดีกว่าครับว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ควรรู้  

พอร์บุหรี่ไฟฟ้า กับ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า  

พอร์ทบุหรี่ไฟฟ้า และ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า นั้นมีหลากหลายแบบให้เราเลือก ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า นั้นเราจะต้องรู้ก่อนว่าเราจะต้องพอร์ทบุหรี่ไฟฟ้าแบบไหน และ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเองก็จะต้องใช้งานร่วมกันได้ด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น ถ้าหากซื้อมาโดยที่ไม่ได้ศึกษาก่อนอาจจะทำให้เราไม่สามารถใช้พอร์ทบุหรี่ไฟฟ้ากับ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่ซื้อมาก็ได้นะครับ  

ร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน 

ในการเลือกร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า นั้นเราควรเลือกร้านที่ดี และ มีมาตรฐานในการเลือก ร้านจำขายบุหรี่ไฟฟ้า กันนะครับ เพราะว่าร้านบุหรี่ไฟฟ้าที่มีมาตรฐานนั้นมักจะมาพร้อมกับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ และ สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน  ซึ่งโอกาสที่เกิดบุบัติเหตุ หรือ บุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และ อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ เช่น บุหรี่ไฟฟ้าระเบิด หรือ กระทั่งไฟรั่วเองก็อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นกัน 

อย่าเลือกเพียงเพราะราคาถูก  

ในการเลือกร้านจำหน่ายขายบุหรี่ไฟฟ้า นั้นเราควรเลือกร้านที่มีมาตรฐานที่ดีนะครับ อย่าเลือกเพระว่าเพียง ราคาถูกเท่านั้น เพราะว่าถ้าหากว่าเลือกเพียงเพราะราคาถูกนั้นอาจจะมีโอกาสที่จะเจอกับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และ อาจจะเกิดปัญหาภายหลังเอาก็ได้นะครับ  

ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังจะเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้า นั้นเราจะต้องศึกษาเรื่องต่าง ๆ ก่อนนะครับ เพราะว่าถ้าหากเราไม่ศึกษา อาจจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับร่างกายเราเอาได้นะครับ และที่สำคัญอาจจะไม่ต้องเสียเงินหลายรอบในการซื้อบุหรี่ไฟฟ้าด้วยนะครับ ดังนั้นก่อนที่เราจะซื้อ บุหรี่ไฟฟ้าก็ลองศึกษาหลาย ๆ เรื่องก่อนนะครับ  

บุหรี่ไฟฟ้าเป็นของที่มีราคาสูงพอสมควร ในการซื้อครั้งแรก ส่วนใหญ่แล้ว บุหรี่ไฟฟ้า ที่มีคุณภาพพอใช้งานได้อย่างปลอดภัย ราคาอย่างต่ำก็หลักพันขึ้นไปแทบทุกยี่ห้อ การใช้งานจึงต้องใช้ด้วยความทะนุถนอม เพื่อให้อายุการใช้งานยาวนานกว่าเดิม แต่ว่าคนที่ใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าหลายคนเหมือนกัน ที่รู้จักแต่วิธีการใช้อย่างเดียว แต่ไม่รู้จักการรักษาให้มีอายุการใช้งานยาวๆ  

บางคนก็เอาไปใช้ในทางที่ผิด เอาไปดัดแปลงจนหมด จนพังใช้การไม่ได้ เสียเงินทิ้งเปล่าๆ ดังนั้นหากใครที่ดออยากจะให้บุหรี่ไฟฟ้าตัวโปรดของคุณมีอายุการใช้งานยาวนาน อยากจะให้ทราบเกี่ยวกับวิธีการถนอมบุหรี่ไฟฟ้าก่อนว่ามีอะไรบ้าง เพื่อที่จะเอาไปใช้กับตัวเองด้วย 

แนวทางการรักษาบุหรี่ไฟฟ้า 

1.ชาร์จไฟให้เต็มในครั้งแรก 

หลังจากที่คุณซื้อบุหรี่ไฟฟ้ามาแล้ว ในครั้งแรกก่อนที่จะเริ่มใช้งาน ให้คุณชาร์จไฟให้เต็มเสียก่อน เป็นการกระตุ้นการทำงานของแบตเตอรี่ด้วย อย่าเพิ่งใจร้อนรีบเอามาใช้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ไม่มีคุณภาพเพียงพอ ให้ชาร์จให้เต็มที่ค่อยเริ่มใช้งาน 

2.อย่าชาร์จทิ้งไว้ 

หลายคนมีความเชื่อเกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่ว่ายิ่งชาร์จนานเท่าไหร่ ก็จะได้ไฟเพิ่มเท่านั้น ความจริงแล้วไม่ใช่ ยิ่งคุณชาร์จนานเกินที่กำหนดเท่าไหร่ จะยิ่งทำความเสียหายให้กับแบตเตอรี่ของไฟฟ้าของคุณเท่านั้น ในการชาร์จไฟครั้งต่อไปของคุณ แนะนำว่าให้ชาร์จแค่พอแบตเตอรี่เต็มก็พอ จะได้ไม่เกิดความเสียหายให้กับบุหรี่ไฟฟ้าของคุณ 

3.อย่าให้ตกกระแทก 

การใช้งาน บุหรี่ไฟฟ้า ควรใช้ด้วยความทะนุถนอม พยายามอย่าให้ตกพื้นได้เลยจะดีที่สุด เพราะนั่นจะทำให้เกิดความเสียหายกับระบบภายในตัวบุหรี่ไฟฟ้า หรือว่าหน้าจอแสดงผลได้ และหากตกมาแล้ว ก็ควรสำรวจดูว่ามีอุปกรณ์อะไรเสียหายบ้างเช่น แบตเตอรี่ เพราะหากชำรุดแล้วจะเกิดความเสียหายอย่างอื่นได้เลย 

4.พักการใช้งานบ้าง 

เวลาที่ใช้งานไปนานๆ จะรู้สึกได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเริ่มมีความร้อนที่สูงขึ้น หากเป็นเช่นนี้ให้คุณหยุดใช้งานก่อน จนกว่าอุณหภูมิจะกลับมาเป็นปรกติ เพราะการใช้งานขณะที่เครื่องร้อนเกินไป มีสิทธิ์ที่จะเกิดอันตรายได้ อย่างเช่นทำให้แบตเตอรี่ระเบิด เป็นต้น 

5.หมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ  

ถึงแม้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะใช้งานง่าย ไม่ต้องเติมน้ำยาบ่อยในบางรุ่น แต่สิ่งที่ควรทำเป็นประจำเลยก็คือ ให้หมั่นทำความสะอาดเป็นประจำที่มีการใช้งาน เพราะสิ่งสกปรกมักจะไปสะสมอยู่ตามคอยน์หรือตรงปากสูบเสมอ  

6.เปลี่ยนคอยน์เมื่อรู้ว่าใช้งานนานเกินไป 

ถึงแม้ว่าคอยน์ที่คุณใช้ตอนนี้จะยังใช้งานได้อยู่ แม้จะใช้มาหลายวันแล้ว แนะนำว่าให้คุณเปลี่ยนคอยน์ทันที เพื่อที่ว่าจะได้ประสิทธิภาพการใช้งานที่สูงขึ้น อย่าใช้ซ้ำๆ จนทำให้เกิดคอยน์ไหม้ แบบนั้นจะทำให้เกิดข้อเสียกับสุขภาพคุณด้วย 

ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการถนอม บุหรี่ไฟฟ้า ให้มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าเดิม หากใครที่รู้ว่าตัวเองยังใช้งานผิดวิธีอยู่ ก็ควรเปลี่ยนวิธีการใช้งานใหม่ให้ถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอันตราย และให้บุหรี่ไฟฟ้าตัวโปรดของคุณอยู่กับคุณไปนานๆ 

หลาย ๆ คนคงรู้ว่าโลกของเรานั้นมีความต่างของ “ฐานะ” อยู่เสมอ มีทั้งคนรวย คนชนชั้นกลาง และ คนจน สำหรับคนรวยนั้นบางคนอาจจะรวยมาตั้งแต่ บางคนอาจจะเริ่มจาก 0 จนสามารถตั้งเนื้อตังตัวเองได้ก็มีนะครับ และทุกท่านเคยสงสัยไหมครับกับคำพูดที่ว่า “คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น” นั้นจริงหรือไม่ ? คำนี้ยังจริงเสมอครับ เพราะหุ้น forex และ หสวย นั้นหลักการใกล้เคียงกันคือ “การลงทุน” แต่ผลลัพธ์ที่ต่างกัน นั้นก็เพราะว่าความเสี่ยงในการลงทุน และ โอกาสได้เงินคืนนั้นต่างกัน เดี๋ยวเรามาลองดูความแตกต่างระหว่าง หวย กับ หุ้น กันเลยครับ 

หวย Vs หุ้น 

เปรียบเทียบง่าย ๆ หวยของรัฐบาลตามกฎหมายนั้นคือ 80 บาท ต่อ 1 ใบ จากการคำนวณเชิงสถตินั้น โอกาสถูกหวยสักรางวัลนั้นมีเพียง 1.4 % โอกาสที่จะไม่ถูกรางวัลเลยคือ 98.6 % และ โอกาสที่จะถูกรางวัลที่ 1 มีแค่ 0.001 % นี้คือความเสี่ยงของหวยที่เราจะต้องแบกรับไว้ แต่สำหรับในกรณีของหุ้น forex นั้นจะแตกต่างออกไปเพราะการลงทุนของเรานั้นสามารถกระจายความเสี่ยงได้ สามารถควบคุมให้โอกาสขาดทุนลดน้อยที่สุดด้วยความรู้ ดังนั้นทั้งในเรื่องของการควบคุมความเสี่ยง และ โอกาสทำกำไรนั้น หุ้น forex ยังมีโอกาสสูงกว่าหวยอีกนะครับ 

และทำไมคนถึงเล่นหวย ? 

คำถามต่อมานั้นคือทำไมคนเราถึงยังเล่นหวย ? นั้นก็เพราะว่าการเล่นหุ้นนั้นยากกว่าเลยทำให้คนไม่สนในการเล่นหวย หวยนั้นเพียงแค่ซื้อ รอเวลา ถูก (กิน) และค่อยดีใจ แต่แตกต่างจากการเล่นหุ้น forex ที่จะต้องใช้เวลาศึกษา หลาย ๆ อย่างกว่าจะเริ่มเล่นได้ นั้นจึงเป็นเหตุผลที่คนเล่น หุ้น น้อยกว่า หวย

ในบทความนี้เราจะไม่ได้พาดพิงถึงใครทั้งนั้นนะครับ เพราะทั้งคนรวย หรือ คนจน สุดท้ายก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน อยู่ที่ว่าจะชอบแบบไหนมากกว่าเท่านั้น ดังนั้นหากใครที่ชื่นชอบหวยก็เล่นหวยต่อไป ส่วนใครที่ชอบเล่นหุ้นก็เล่นต่อไปได้เลยนะครับ

                “ปลวก”หนึ่งในภัยร้ายของบ้านทีเรามักพบเห็นได้ตามที่มืด และ ชื้น ซึ่งถ้าถามว่าปลวกนั้นเป็นอันตรายต่อมนุษย์หรือไม่ก็ตอบเลยว่าไม่ แต่ถ้าถามว่าต่อทรัพย์สินละก็มีมากมากเลยทีเดียวเพราะปลวกนั้นรับประทานไม้เป็นอาหารดังนั้นเฟอร์นิเจอร์ หรือ บ้านของเราหากเป็นไม้คงไม่พ้นเงื้อมือเจ้าปลวกแน่นอน ดังนั้นหากเราคิดจะกำจัดปลวกให้สิ้นซากเราควรเรียกใช้ “บริษัทกำจัดปลวก” และเราจะมาดูข้อดีของการบริษัทกำจัดปลวกกันดีกว่าครับ

ไม่เสียเสียเวลา

            เนื่องจากเราเสียเงินเพื่อซื้อเวลามาแล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องไปเสียเวลากับการกำจัดปลวกเองปล่อยให้เจ้าหน้าที่ ที่มีความเชี่ยวชาญเขากำจัดไป ส่วนเราก็มีหน้าที่แค่คอยคอดติดตามผลงานของบริษัทกำจัดปลวกเท่านั้นก็พอแล้วครับ

ไม่เสียสุขภาพ

            อย่างที่เรารู้กันว่าการจะกำจัดปลวกนั้นจำเป็นต้องใช้สารเคมี ในการกำจัดปลวก ดังนั้นหากเราไม่ระวังให้ดีสารเคมีอาจจะทำให้เราเกิดอันตรายก็ได้ในกรณีที่เราลงมือเอง แต่ถ้าหากเราใช้บริการบริษัทกำจัดปลวกเราไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองลงไปเสี่ยงกับสารเคมีสักนิดเดียว

มีความเป็นมืออาชีพ

            ถ้าหากเราลงมือทำเองเราก็คง เงอะ ๆ งะ ๆ ไม่รู้จะทำอย่างไร ? แต่ถ้าหากเราไปปรึกษาบริษัทกำจัดปลวกทางบริษัทนั้นจะมีวิธีการที่ชัดเจน ว่าจะต้องลงมืออย่างไร ต้องทำอย่างไร ตรงไหน เรียกว่าความเป็นมืออาชีพนั้นจะสามารถเข้าควบคุมสถาณการณ์โดยง่าย

ไม่เสียเงินเยอะ

            ถ้าหากเราใช้บริการบริษัทกำจัดปลวกนั้นเราจะเสียเงินค่าบริการเพียงรอบเดียวเท่านั้นแต่ถ้าหากเราเลือกลงมือทำเองโอกาสที่เราจะเสียเงินเยอะนั้นมีมากขึ้นแน่นอน เนื่องจากเราไม่มีความรู้อะไรเลย ก็จะต้องลองผิด ลองถูกไปเรื่อย ๆ และสุดท้ายก็ไม่รู้ว่าได้ผลหรือไม่ ?

                ดังนั้นนี้เป็นข้อดีของการใช้บริการบริษัทกำจัดปลวก ซึ่งเอาจริง ๆ ข้อดีนั้นยังมีอีกมาก ส่วนใครที่ชอบลงมือทำเองก็ลองดูก็ได้ครับ ส่วนใครที่คิดว่าตัวเองอาจจะเสียเงินบานปลายก็อาจจะเลือกใช้บริการบริษัทกำจัดปลวก นั้นง่ายกว่าแน่นอนครับ